ข้อเท็จจริง 6
ประการที่ควรทราบจากการศึกษา “The 2013 Travel Study” ของ Google
แหล่งที่มา: http://www.traveldailynews.com/columns/article/51036/six-things-you-need-to#sthash.l2dGqn53.dpuf
ถึงแม้ว่าการนำเสนอเกี่ยวกับการศึกษาเรื่อง
The 2013 Travel Study
จะผ่านไปแล้วแต่ก็ควรกลับมาพิจารณาซ้ำอีกทั้งนี้เพราะมีนัยสำคัญเกี่ยวกับการตลาดการท่องเที่ยวและการบริการ
ตามที่ Google ได้แจ้งไว้ในไสลด์ที่ 2
ว่าการศึกษาครั้งนี้มุ่งเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมและทัศนคติที่เปลี่ยนไปของนักท่องเที่ยวและนักเดินทางเพื่อธุรกิจ
ข้อเท็จจริง 6
ประการต่อไปนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมในปีที่ผ่านมาซึ่งธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและการบริการควรพิจารณาว่าตนเองได้ปรับตัวไปอย่างไรบ้าง
เช่นการเข้าถึงลูกค้า หรือการหาประโยชน์ทางธุรกิจจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปนี้
1)
นักท่องเที่ยวร้อยละ 65 จองโรงแรม
และผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวอื่นๆจากผู้ประกอบการโดยตรงมากกว่าตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์
(Online Travel Agencies- OTAs) ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 11 จากปี ค.ศ. 2012
ข้อเท็จจริงนี้บอกอะไรแก่โรงแรม
และธุรกิจท่องเที่ยวและบริการอื่นๆ
ข้อเท็จจริงนี้ส่งผลให้เกิดความเป็นไปได้ที่เว็ปไซท์ของโรงแรม
และสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวจะสร้างผลกำไรให้แก่องค์กรได้มากขึ้น และลดความสำคัญของช่องทางการจัดจำหน่ายที่ได้กำไรน้อยกว่า
(เพราะไม่ต้องเสียค่า commission ให้กับ OTAs) เมื่อนักการตลาดของโรงแรมกล่าวว่าให้ปรับช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังช่องทางที่มีกำไรสูงกว่านั้น
สิ่งนี้คือสิ่งที่พวกเขากำลังพยายามบอก
ซึ่งอาจเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ขององค์กรก็ได้
ซึ่งก็แน่นอนว่าข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นถึงโอกาสของโรงแรมในการสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่ายทางการตลาด
แต่ทางสถานประกอบการเองก็ต้องมั่นใจว่าเว็ปไซท์ของตนเองนั้นทันสมัย
และติดอันดับการค้นหาด้วย Search Engine หรือ High
Search Ranking
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้วางแผนการเดินทางสามารถค้นหาเว็ปไซท์ของสถานประกอบการเจอในอันดับต้นๆ
ข้อเท็จจริงที่ว่านักท่องเที่ยวชอบที่จะจองโรงแรม
และบริการอื่นๆตรงกับเว็ปไซท์ของสถานประกอบการนั้น
เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงผลของความพยายามของโรงแรม
และสถานประกอบการเองร่วมกับหุ้นส่วนธุรกิจอินเตอร์เน็ตที่ทำมาอย่างต่อเนื่องหลายปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพยายามในการแทรกแซงการหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมผ่าน
Search Engines ทั้งหลาย เช่นการเน้นที่แนวคำ (Themes) มากกว่าคำหลัก (key words)
และการออกแบบเว็ปไซท์ที่ใช้ง่ายและน่าสนใจ
2)
ราคาเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งในการเลือกที่พัก
โรงแรมและสถานประกอบการอาจถูกนำมารวมไว้
หรือตัดออกไปจาการเลือกของลูกค้าเนื่องจากช่วงราคาและงบประมาณที่ลูกค้าตั้งไว้
ประเภทของที่พัก และที่ตั้ง
หากที่พักหรือโรงแรมใดประเภทที่ลูกค้าต้องการและตั้งอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมแล้วนั้น
โรงแรมนั้นๆก็จะสามารถควบคุมราคาของตนเองได้ระดับหนึ่ง โรงแรมควรเปรียบเทียบราคาของตนกับโรงแรมคู่แข่งแล้วตั้งคำถามกับตนเองว่าได้ตั้งราคาอย่างสามารถแข่งขันได้หรือยัง
โรงแรมตั้งราคาต่ำกว่าราคาที่ให้กับ OTAs หรือไม่
หากสูงกว่าลูกค้าจะเลือกจองกับ OTAs ทันที
ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงสัญญาที่มีกับ OTA
ในการกระจายสินค้าด้วย โรงแรมมีการสร้างกิจกรรมส่งเสริมการขายในหน้า Low และ Shoulder seasons หรือไม่ มียุทธวิธีด้านราคามากมายที่สามารถปรับปรุงผลประกอบการได้
3)
ร้อยละ 60
ของแขกกลุ่มนักท่องเที่ยว และร้อยละ 53
ของแขกกลุ่มธุรกิจหาข้อมูลผ่าน Search Engines
ข้อเท็จจริงนี้ไม่น่าแปลกใจอย่างใด
แต่ก็ยังเป็นจุดที่นักการตลาดควรเน้นอยู่ดี พื้นฐานของประเด็นนี้คือไม่ว่าเว็ปไซท์จะสวยเพียงใดแต่ถ้านักท่องเที่ยวหาไม่เจอก็ไม่มีประโยชน์
จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวที่อาจใช้คำในการหาต่างกันแต่ก็เจอเว็ปไซท์ของโรงแรมในอันดับต้นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
Search Engine หลักๆเช่น Google หรือ Bing ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 2 ใน 3 นอกจากนั้นการจัดการ Search Engine Optimization
หรือการจัดการให้เว็ปไซท์อยู่ในหน้าแรกของ Search Engine เพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะมีประสิทธิภาพเสมอไป
ควรมีการปรับอยู่เสมอๆ
และใช้ลูกเล่นใหม่ๆให้แน่ใจว่าเว็ปไซท์ของสถานประกอบการจะอยู่ในหน้าแรกของผลการหาข้อมูลผ่าน
Search Engine เสมอ
4)
ร้อยละ 42 ของนักท่องเที่ยว
และร้อยละ 55
ของผู้เดินทางด้วยเหตุผลทางธุรกิจอ่านความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและแขกคนอื่นๆ
จากความเห็นของผู้ดำเนินการศึกษานั้น
ตัวเลขที่ผู้เดินทางใช้ข้อมูลจากการรีวิว
หรือากรให้ความเห็นจากลูกค้าเดิมนั้นน่าจะสูงกว่านี้
นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับข้อมูลจากลูกค้าที่มีประสบการณ์ตรงมากกว่าข้อมูลประเภทการโฆษณาจากสถานประกอบการ
สิ่งที่สถานประกอบการต้องทำก็คือการสอดส่องว่าลูกค้าได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนไว้อย่างไรบนอินเตอร์เน็ตช่องทางต่างๆ
และต้องพยายามตอบทุกความเห็นอย่างมีชั้นเชิง มีศิลปะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนช่องทางที่เป็นที่นิยมเช่น Trip Advisor และ
Yelp ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงให้นักท่องเที่ยวได้เห็นว่าสถานประกอบการมีความจริงใจ
และใส่ใจจริงๆ
5)
ร้อยละ 25
ของนักท่องเที่ยวจองโรงแรม และบริการด้านการท่องเที่ยต่างๆผ่านโทรศัทพ์อัจฉริยะ
สิ่งที่ทางโรงแรมและสถานประกอบการต้องตรวจสอบคือ
โรงแรม และสถานประกอบการมีเว็ปไซท์ที่ออกแบบมาสำหรับโทรศัพท์อัจฉริยะหรือไม่
และหากมี โปรแกรมที่ใช้ตอบสนองกับระบบปฏิบัติการต่างๆหรือไม่ หากสถานประกอบการยังนอนใจอยู่ว่านักท่องเที่ยวเพียงร้อยละ
25
เท่านั้นที่ใช้โทรศํพทย์อัจฉริยะจองบริการด้านการท่องเที่ยว จากร้อยละ 25 จะกลายเป็นร้อยละ 50 ก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก
สถานประกอบการต้องมีโปรแกรมการจัดการเว็ปไซท์สำหรับโทรศํพท์อัจฉริยะที่ใช้ง่าย
และสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกแก่นักท่องเที่ยวประกอบการจัดสินใจซื้อ
นอกจากนั้นการเปลี่ยนหน้าจอของเว็ปไซท์ควรไม่มีรอยต่อ
และนักท่องเที่ยวต้องสะดุดในการรับข้อมูลระหว่างการตัดสินใจซื้อ
6)
ร้อยละ 51
ของนักท่องเที่ยว และร้อยละ 69
ของนักเดินทางเพื่อธุรกิจดูวิดิโอบนอินเตอร์เน็ต
นักท่องเที่ยวนั้นมีวิธีการหลากหลายในการหาและเสพข้อมูลบนอินเตอน์เน็ต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิดิโอ นักท่องเที่ยวนั้นไม่ได้เพียงแต่ดูวิดิโอ 30 วินาทีระหว่างการวางแผนการเท่องเที่ยวเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวใช้ข้อมูลจากวิดิโอตลอดทั้งกระบวนการ
ทั้งการตัดตัวเลือก การวางแผนการจอง
โรงแรมและผู้ประกอบการพึงทราบว่าภาพนั้นสามารถแทนคำพูดได้ไม่จำกัด และวิดิโอหรือภาพเคลื่อนไหวทำได้มากกว่านั้นเสียอีก
โรงแรมและสถานประกอบการมีบัญชี youtube หรือยัง แขกสามาถ
upload วิดิโอเกี่ยวกับสถานประกอบการได้หรือไม่
การมีวิดิโอที่สวยและน่าสนใจทำให้เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จมากขึ้น
No comments:
Post a Comment